เผลอแป๊บเดียวเรามาครึ่งทางของเหตุผลลำดับที่ 5 กันแล้วครับ ท่านผู้ติดตามและท่านผู้อ่านทุกคน(ใครที่ยังไม่ได้กดติดตามอาจารย์อ๊ะใน Web นี้สามารถกดติดตามได้ที่หัวมุมบนขวาที่มีปุ่มกดติดตามได้น่ะครับเวลาที่ผมลงบทความใหม่ๆ จะได้มีการแจ้งเตือนให้กับท่านผู้อ่านทุกท่านทาง Email ที่ได้ฝากกับผมไว้หรือท่านใดที่มีคำถามเดี่ยวกับสตาร์ทอัพก็เขียนคำถามในช่องด้านขวามือพร้อมกรอกข้อมูล Email กด Submit แล้วผมจะตอบคำถามส่งตรงไปยัง Email ที่ให้ไว้กับกับผมเลยทีเดียวครับ! ปล. อย่าลืมกดรับ Subscribe ใน Inbox ของ Email ทุกท่านหลังกด Submit น่ะครับ (ถ้าหา Subscribe confirmed ไม่เจออาจเป็นไปได้ที่จะอยู่ใน Junk Mail หรือ ถังขยะใน Email ของท่านผู้อ่านที่กด Submit มา ลองหาดูน่ะครับ!)
ก่อนที่จะไปสู่เหตุผลในข้อที่ 5 เรามาสรุปเหตุผลตั้งแต่ลำดับที่ 1-4 กันอีกครั้ง(เฉพาะหัวข้อน่ะครับ) ส่วน รายละเอียดกับเหตุผลสนับสนุนและความจริงต้องรบกวนท่านผู้อ่านย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่เหตุผลที่ 1 น่ะครับ อ่านรอบเดียวจะได้เกิดความต่อเนื่องเพราะผมไม่ได้กางตำราเอามาเขียนมันส่วนใหญ่มันก็คือจากประสบการณ์อ่ะครับ เพราะในตำราใครๆก็ ไปหาอ่านได้ แต่ถ้าเป็นตำรา+ประสบการ์ณ+การนำไปใช้งาน+ข้อดี+ข้อเสีย+การปรับแนวคิด ผมถือว่าบทความของผมจะได้ครบรส เสมือนนิยายสามก๊กที่ว่า "รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งย่อมชนะร้อยครั้ง" ซึ่งการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ(Startup Business) ก็เป็นการเดินเกมส์ในสนามศึกสงครามในทางธุรกิจ(Business war) ยังไงยังงั้นเลยครับ! หลายคนแค่มาอ่านเอาไอเดียก็สามารถนำไอเดียไปดัดแปลงในธุรกิจของตัวเองได้แล้วครับโดยที่คุณก็ไม่ต้องจำเป็นที่ต้องเป็นสตาร์ทอัพก็ได้ครับ...ใครอ่าน..ใคร Get คนนั่นแหล่ะที่ได้ไปต่อ..."ขอให้ตั้งใจจริงที่มาอ่านเพื่อนำความรู้ใน Website และบทความของผมนำไปใช้งานต่อก็แค่นั้นครับ" เพราะสุดท้ายความรู้ไม่ได้อยู่แค่ไหนตำราครับ มันต้องนำไปปฎิบัติจริง...เล่นเอง...ทำเอง....ทำจริง....เจ็บจริง.....และลุกขึ้นมาใหม่ได้จริง...ว่าม่ะ?
สรุปเหตุผลตั้งแต่ลำดับที่ 1-4 กันอีกครั้ง
เหตุผลที่ 1: มันเริ่มต้นได้ง่ายเพราะมันเริ่มต้นจากไอเดียที่แก้ปัญหาให้กับผู้คน
เหตุผลที่ 2: สตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีอนาคตน่าจะมีคนสนใจใช้แน่เลย
เหตุผลที่ 3: คนส่วนใหญ่คิดว่าทำสตาร์ทอัพแล้วจะสบายดูเท่ห์ไม่เหมือนใครน่าสนใจมาทำกันเถอะ!
เหตุผลที่ 4: คนส่วนใหญ่คิดว่าทำสตาร์ทอัพแล้วต้องคอยหาแหล่งทุนอยู่ร่ำไป? มีทุนที่ไหนให้ไปขอให้หมด! แถมยังเจอหน้ากันซ้ำๆ ด้วยน่ะ 555
หมายเหตุ: อย่างที่ผมได้เกริ่นแจ้งไว้ตอนต้นแล้วน่ะครับ ว่าทุกอย่างมีข้อดี-ข้อเสีย หรือเรียกว่า เหรียญมันมี 2 ด้าน(The two sides of coin) ดังนั้นท่านผู้อ่านยังไม่ต้องเชื่อผมทั้งหมดเพียงแต่ท่านผู้อ่านลองค่อยๆ นึกตามผมในสิ่งที่ผมเขียนมาตั้งแต่บทแรกถึงการอธิบายเหตุผลที่ 1-4 ว่าจริงไม่จริงเพียงใด? แล้วลองคอมเม็นซ์กลับมากันครับ เพราะงานนี้เราจะได้มีการสื่อสาร 2 ทางซึ่งผมอยากให้บทความของผมใน Website นี้เป็นแบบ Interactive มากกว่าที่ผมจะเขียนให้ทุกท่านอ่านแต่เพียงข้างเดียว ความรู้ที่ดีควรเป็น 1+1 > 2 ครับ(มากกว่า 2 ครับ) เพราะมันจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านเป็นอย่างมากเลยครับ! และผมยินดีที่จะรับฟังทุกคอมเม็นซ์ครับ มาถึงเหตุผลในลำดับที่ 5 กันครับว่า เหตุผลที่คนชอบทำธุรกิจด้วยแนวคิดของ Startup นั้นเพราะอะไรต่อ?
เหตุผลที่ 5: ผม/ฉัน/หนู มีไอเดียที่เจ๋งมากเลยเพราะมันมาจาก Passion ของ ผม/ฉัน/หนู อย่างแรงกล้า
เหตุผลสนับสนุน: ปกติแล้วเวลาที่เราจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม เรามักจะทำจากความหลงใหล(Passion) ในสิ่งที่เราทำ..."มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องใช่เลยครับ" เพราะความหลงใหลมันจะทำให้เราสามารถลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วเราสามารถทำงานนั้นได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องมีใครบังคับ แต่ธุรกิจสตาร์ทอัพ(Startup) มันไม่ค่อยจะใช้ได้กับแนวคิดนั้นอย่าง 100% น่ะครับ ซึ่งถ้าเราจะใช้สิ่งที่เราชอบทำเป็นงานอดิเรกแล้วสามารถผันไปเป็นรายได้พอเลี้ยงตัวเองอันนั้นคงไม่ใช่แนวคิดของการทำธุรกิจแบบสตาร์ทอัพ จนมีกูรูการเงินระดับโลก วอแรนซ์ บัฟเฟต์ เคยกล่าวไว้ว่า "สิ่งที่เราชอบให้ทำเป็นงานอดิเรก ส่วนสิ่งที่โลกชอบให้ทำเป็นธุรกิจ" ประโยคนี้ทำให้ผมถึงบางอ้อเลยครับ ว่าจะนำมาปรับใช้กับแนวคิดการทำธุรกิจแบบสตาร์ทอัพได้อย่างไร? ผมเชื่อว่าทุกท่านกำลังตามผมทันอยู่น่ะครับ เพราะความจริงในข้อนี้คือ.....
ความจริง: คือ โลกของธุรกิจ ต้องมี "ผู้ซื้อ" ครับ หรือ "ใครคือลูกค้าของคุณที่แท้จริงนั่นเอง?" โดยที่ภาษาของสตาร์ทอัพเราจะชอบสมมติระบุตัวละครตัวนั้น ว่าเป็นใคร? อายุเท่าไหร่? ทำงานอะไร? มีเงินเดือนประมาณเท่าไหร่? ใช้ชีวิต Life style เป็นอย่างไร? ในนามของ Persona(ตัวละครสมมติเวลาที่ธุรกิจสตาร์ทอัพต้องระบุว่าใครคือลูกค้าของคุณ?) ใช่ครับ มันเลยทำให้มุมมองของผู้ที่จะทำธุรกิจสตาร์ทอัพเปลี่ยนไปจาก "การเริ่มต้นธุรกิจจาก Passion ของตัวเอง ไปเป็นการเริ่มต้นระบุความต้องการจากลูกค้าชื่อ นาย A นาย B หรือ น ส Z ว่าแต่ละคนเหมาะกับสินค้าหรือบริการของเราอย่างไร? และเราต้องปรับสินค้าหรือบริการอะไร? เพื่อให้สนองต่อความต้องการของลูกค้าไม่ใช่สนองความต้องการของตัวเอง....หลายๆๆ ไอเดียของสตาร์ทอัพส่วนใหญ่จะเริ่มต้นผิดที่ทำสินค้าหรือบริการมาตอบสนอง Passion ของตัวเองซึ่งแบบนี้ไม่ถูกต้องน่ะครับ! และไม่ควรจะมีแนวความคิดหรือ Mindset แบบนี้ในการเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยแนวคิดแบบ Startup เพราะนั้นหมายถึง "คุณกำลังผลิตสินค้าหรือบริการที่ตลาดไม่มีความต้องการหรือไม่มีผู้ใช้งานอย่างแท้จริง" และเหตุผลข้อนี้ก็เป็น TOP 3 ระดับประเทศและระดับโลกที่ว่า "ทำไมสตาร์ทอัพส่วนใหญ่ถึงล้มเหลว" และเคยมีกูรูสตาร์ทอัพของไทยกล่าวไว้อีกว่า "Passion ไม่ใช่ Unfair Advantage ของธุรกิจสตาร์ทอัพน่ะครับ! ไม่ต้องพูดถึงประเด็นนี้ว่าตัวเรามีมากกว่าใคร? เวลาที่เราไป Pitching ขอทุนกรรมการเพราะกรรมการท่านก็จะบอกว่าเมื่อสักครู่ทีมที่เข้ามา Pitching ก่อนหน้าก็พูดแบบเราเหมือนกัน 555 อันนี้คือเรื่องจริงน่ะครับ!) หมายเหตุ: ท่านผู้อ่านสามารถย้อนไปอ่านเรื่อง Unfair Advantage ก่อนหน้าด้วยน่ะครับจะได้เข้าใจถึงประเด็นนี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น
ท้ายนี้ท่านผู้อ่านยังไม่ต้องปักใจเชื่อผมทั้งหมดน่ะครับ เพราะผมอยากให้ทุกท่านลองคิดตามกันจะได้ทบทวนแนวคิดและเป็นประโยชน์มากกว่าที่ผมจะเขียนให้ทุกท่านอ่านและเชื่อผมแต่เพียงด้านเดียว! เพราะผมยังยืนยันว่าผมอยากให้ Website: www.ajarnah.com เป็นบทความที่เน้นการสื่อสาร 2 ทาง(Interactive) "ดังนั้นผมยินดีอ่านและตอบทุกคอมเม็นซ์ที่เสนอแนะเข้ามาให้ผมน่ะครับ เพื่อที่ผมจะได้พัฒนาการเขียนบทความเพื่อให้ตอบโจทย์กับกลุ่มผู้อ่านของผมได้มากที่สุด!" อันนี้ก็คือวิธีการของแนวคิดการสร้างธุรกิจแบบ Startup เหมือนกันครับ! ที่ท่านผู้อ่านก็คือ ลูกค้าของผม ดังนั้น ผมก็ต้องผลิตสินค้าหรือบริการให้ตรงกับสิ่งที่ท่านผู้อ่านต้องการมันเช่นกันครับ! เห็นไหมครับว่า "แนวคิดของสตาร์ทอัพสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทุกวงการเลยทีเดียว!" และให้สมกับเนื้อหาของชื่อ Website นี้ที่ว่า "สอนธุรกิจให้คิดแบบ Startup โดย อาจารย์อ๊ะ" ครับผม^^
ติดตามอ่านเหตุผลลำดับที่ 6 ต่อไปน่ะครับ..ผมว่ามันชักจะเริ่มเข้มข้นขึ้นมากล่ะ ผมไม่อยากให้ทุกคนพลาดเกร็ดความจริงที่ผมกำลังจะนำเสนอต่อไปจริงๆ
"ถ้าชอบบทความนี้ ขอแค่ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ผมในการเขียนบทความต่อๆ ไปก็พอแล้วครับ ส่วนใครชอบก็กดไลท์ใครใช่ก็กดแชร์ได้ครับผม^^"
See you again!
***ติดตาม อาจารย์อ๊ะได้จากช่องทางด้านล่างนี้ครับ
1. เฟสบุ๊คส่วนตัว(Facebook Profile)
2.1 เฟสบุ๊คแฟนเพจ1 (Fanpage)
***เน้นเรื่องแรงบันดาลใจ
2.2 เฟสบุ๊คแฟนเพจ2 (Fanpage)
***เน้นเรื่องการสอนธุรกิจให้คิดแบบ Startup
3. ยูทูป(YouTube)
4.อินสตาแกรม(Instagram)
5.Line@ เพื่อเป็น FC ของอาจารย์อ๊ะ(พิมพ์หา @ajarnah) มี@ ด้วย กดแอดเพิ่มเพื่อนทักมาได้เลยครับ!
ปล. ถ้าอาจารย์อ๊ะ ถ่ายทอดสด Live เฟสบุ๊ควันไหนจะแจ้ง FC ทุกท่านให้ทราบล่วงหน้าอีกครั้งน่ะใน Line@ น่ะครับ แล้วพบกันครับ!
ผลงานเขียนของอาจารย์อ๊ะกับหนังสือชื่อ The Power of Positive Inspiration(แต่งเป็นภาษาอังกฤษที่คนไทยสามารถอ่านเข้าใจได้ง่าย)
กดดาวน์โหลด(Download) อ่านได้แล้ววันนี้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น